Hogwarts Chaos
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Hogwarts Chaos

โรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์คาออส
 
เธšเน‰เธฒเธ™เธ„เน‰เธ™เธซเธฒLatest imagesเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธชเธกเธฒเธŠเธดเธ(Register)เน€เธ‚เน‰เธฒเธชเธนเนˆเธฃเธฐเธšเธš(Log in)

 

 ปริศนาแห่งความฝัน

Go down 
2 posters
เธœเธนเน‰เธ•เธฑเน‰เธ‡เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก
seldy
นักเวทย์
นักเวทย์
seldy


Female เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 151
อายุ : 37
Localisation : บ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต ลิตเติลวิงจิน เซอร์รี
Emploi : นักเรียน&นักศึกษา
Loisirs : หนังสือ...แฮร์รี่ พอตเตอร์ เอิ๊ก! ^O^
Registration date : 29/04/2007

ปริศนาแห่งความฝัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: ปริศนาแห่งความฝัน   ปริศนาแห่งความฝัน Icon_minitimeSun Jun 10, 2007 9:18 am

ความฝันสามารถบอกอะไรเราได้จริงหรือ แต่จะจริงหรือไม่จริงบรรพบุรุษของเราก็ให้ความสนใจในการทำนายฝันมานานนมแล้ว ตัวอย่างที่ค่อนข้างเก่าแก่หน่อยเป็นของพวกอียิปต์โบราณ นักโบราณคดีเคยสำรวจพบ บันทึกกระดาษพาไพรุสจำนวนหนึ่ง มีแต่เรื่องการทำนายความฝันยาวเหยียดและหลักฐานอย่างอื่นอีก คือ แผ่นหินขนาดมหึมา ที่ตั้งอยู่หน้ารูปปั้นสฟิงซ์แห่งกิเซซึ่งจารึกเกี่ยวกับความฝันของพระเจ้าทัตโมสที่ 4 นักโบราณคดีช่วยกันนั่งอ่านนอนอ่านจนแกะออกมาได้ความหมายว่า เมื่อครั้งที่ฟาโรห์ทัตโมสยังทรงเป็นรัชทายาทอยู่นั้น วันหนึ่งพระองค์ได้เคลิ้มหลับไปตอนเที่ยงวันและฝันเห็นเทพเจ้าฮอร์มากุ (Hormaku) “ถ้าเชื่อฟังข้าข้าจะยกอาณาจักรอันรุ่งเรืองให้เจ้า” เมื่อเจ้าชายทัตโมสได้เป็นฟาโรห์ ก็ได้มีพระราชโองการให้ทหารช่วยกันโกยทรายที่กลบตัวของสฟิงซ์จนแทบจะมิดหัวออกจนหมด หลังจากนั้นพระองค์ก็จะครองราชย์อย่างสงบสุขต่อมาอีกนานแสนนานตามที่เทพเจ้าได้สัญญาไว้

ความฝันที่มีการบันทึกไว้อีกเรื่องหนึ่งเป็นของพระเจ้าเนบูซัสเนส ซาร์แห่งอาณาจักรบาบิโลนที่แสนรุ่งเรืองเฟื่องฟู ความฝันของพระองค์ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของดาเนียลมีใจความสำคัญว่า คืนหนึ่งพระองค์ฝันเห็นร่างๆ หนึ่งศรีษะทำด้วยทองคำ อกและแขนเป็นเงิน ท้องและขาเป็นทองแดง ส่วนเท้าเป็นแหล็กและบางส่วนเป็นดินเหนียว แล้วร่างนั้นก็ถูกหินถล่มลงมาทับจนพังพินาศ ดาเนียลซึ่งเป็นปุโรหิตประจำราชสำนักได้ทำนายว่าศรีษะที่เป็นทองคำหมายถึง อาณาจกับาบิโลนภายใต้การปกครองของพระเจ้าเนบูซัสเนสซาร์ ส่วนอื่นๆ ของร่างกายหมายถึงการปกครองของกษัตริย์องค์ต่อๆไป ซึ่งจะทำให้อาณาจักรต้องเสื่อมลงตามลำดับ พระเจ้าเนบูซัสเนสซาร์ ทรงซึ้งเป็นกำลังถึงกับคุกเข่าทำความเคารพท่านปุโรหิตด้วยความพอพระทัย พร้อมกับปูนบำเหน็จแก่ดาเนียลอย่างมากมาย ไหวพริบไม่เบานะครับดาเนียลคนนี้ ทำนายแบบนี้ เขาเรียกว่า “เล่นไม่ยาก”

ในคัมภีร์ไบเบิ้ลก็มีการกล่าวถึงความฝันอยู่เมือนกัน คือเรื่องของยาขอบซึ่งมีเรื่องทะเลาะกับพี่ชายแล้วหนีไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง คืนหนึ่งยาคอบฝันเห็น “บันไดอันหนึ่งตั้งขึ้นบนพื้นโลก ยอดถึงฟ้าสวรรค์ ทูตทั้งหลายของพระเจ้ากำลังขึ้นลงอยู่บนนั้น พระเจ้าประทับยืนอยู่เหนือบันได” และตรัสกับยาคอบว่า “แผ่นดินซึ่งเจ้านอนอยู่นั้น เราจะให้แก่เจ้าและเชื้อสายของเจ้า เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเหมือนผงธุลีบนแผ่นดิน เจ้าจะแผ่กว้างออกไปทางทิศตะวันออก ทางทิศเหนือและทิศใต้” ในที่สุดความฝันของยาขอบก็เป็นจริงเพราะเขาได้เป็นบรรพบุรุษของชาวอิสรเอลในปัจจุบัน

ราวๆ 332 ปีก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชกำลังล้อมเมืองไทร์ (Tyre) อยู่และคืนหนึ่งทรงพระสุบินเห็นตัว satyres (อมนุษย์ตัวเป็นคน หัวเป็นแพะ) เต้นรำอยู่บนโล่ ปราชญ์ประจำพระองค์ชื่อ ออริสแตนเดอร์ ได้ทำนายเป็นคุ้งเป็นแควว่า satyresเขียนเป็นภาษากรีกว่า sa-tyros ก็แปลว่าเมืองไทร์เป็นของท่านแล้ว พระเจ้าอเล็กซานเดอร์จึงสั่งลุยทันทีและยึดเมืองได้ในที่สุด ศรีธนญชัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์จึงรับทรัพย์ไปตามระเบียบ

การตีความหมายด้วยการเล่นคำอย่างนี้ได้รับความเชื่อถือมากขึ้นเมื่อ ซิกมันส์ ฟรอยด์ บิดาแห่งวิชาจิตวิเคราะห์เสนอความคิดว่า จิตไร้สำนึกจะโผล่ออกมาเป็นความฝันในรูปของปริศนาหรือรหัสบางอย่าง ซึ่งถ้าใครสามารถที่จะตีความรหัสเหล่านี้ได้ก็จะล่วงรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจของบุคคลนั้นโดยไม่ยาก แต่ฟรอยด์ก็ไม่ได้พูดว่าความฝันที่ตีความแล้วนั้นจะใช้ทำนายอนาคตหรือบอกตัวเลขได้หรือเปล่า แต่ซิเซโร ปาฐกฝีปากกล้าแห่งอาณาจักรโรมันเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช เคยประกาศว่า การทำนายฝันเป็นเรื่องของการเดาสุ่ม เป็นเรื่องเหลวไหลเชื่อถือไม่ได้

ปัจจุบันนี้ความคิดที่ว่าความฝันคือ หนทางที่เทพเจ้าใช้ติดต่อกับมนุษย์เริ่มหมดไป ใครยังเชื่ออย่างนั้นก็เรียกว่า เชยระเบิด แต่ความฝันคืออะไรจนป่านนี้ยังไม่มีคำตอบที่แน่นอนแม้ในหมู่นักจิตวิทยาเองก็ยังแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าความฝันเป็นผลสะท้อนหรือการแสดงออกของจิตใต้สำนึก ที่แสดงถึงความหวังและความกลัวที่ซ่อนอยู่ เช่น นักเรียนตอนที่ใกล้สอบอาจจะฝันว่าสอบตก เราเรียกว่าความฝันที่เกิดจากจิตนิวรณ์ อีกฝ่ายเชื่อว่าความฝันเป็นข่าวสารหรือข้อมูลที่สมองรับไว้ไม่หมดจึงปลดปล่อยออกมาเป็นความฝันเหมือนขยะที่ล้นออกมานอกถังยังไงยังนั้น

อย่างไรก็ตามจนมนุษย์จะไปเหยียบดาวอังคารกันแล้ว เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้เสียทีว่าความฝันเป็นสอ่งที่บอกอนาคตได้จริงหรือไม่ แต่มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ชวนให้งงงันพิศวงไม่น้อย เช่น กรณีลอบสังหารนายกรัฐมนตรีอังกฤษสเปนเซอร์ เปอร์ซิวาล เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2355 ก่อนหน้านี้ 8 วันชายคนหนึ่งเล่าว่าเขาฝันเห็นชายร่างเล็กกำลังเดินเข้าไปในห้องโถงของสภาผู้แทน เขาจำได้แม่นยำว่าชายร่างเล็กนั้น คือ ท่านนายกเปอร์ซิวาล ครู่หนึ่งมีชายอีกคนหนึ่งสวมเสื้อสีน้ำตาลติดกระดุมสีเหลืองเดินตามหลังท่านเข้าไปแล้วชักปืนออกมายิงท่านจนฟุบและถึงแก่ความตาย ในเวลาต่อมาเขากล่าวว่าเขาอยากเตือนท่านนายกแต่ถูกเพื่อนๆ ห้ามไว้เพราะกลัวถูกหาว่าไม่เต็มเต็ง ไม่นานต่อมาเขาก็ได้ข่าวการลอบสังหารท่านายกและเห็นภาพฆาตกรซึ่งเขาจำเสื้อโค้ทสีน้ำตาลและกระดุมสีเหลืองนั้นได้เป็นอย่างดี

อีกเรื่องหนึ่งเป็นของชาร์ลส์ ดิคแกนส์ นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษเขาเขียนไว้ว่า “คืนหนึ่งผมฝันเห็นสภาพสตรีคนหนึ่งมีผ้าคลุมไหล่สีแดงยืนหันหลังให้ผม พอเธอหันมาผมไม่รู้จักเธอ แต่เธอแนะนำตัวว่า ดิฉันชื่อ “นาเปียร์” เช้าวันนั้นผมแต่งตัวไปพลางก็นึกไปพลางว่าทำไมฝันแปลกอย่างนั้นและทำไมต้องชื่อนาเปียร์ เพราะผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย คืนนั้นหลังจากอ่านหนังสือจบแล้ว ผมก็เข้าไปในห้องนั่งเล่นเจอ มิสบอล์ยและหญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง มิสบอล์ยแนะนำให้ผมรู้จักเธอ เธอชื่อ นาเปียร์”

จอห์น ดับบลิว ดันน์ วิศวกรชาวอังกฤษบันทึกความฝันครั้งหนึ่งของตนว่า

“ผมมองเห็นทางรถไฟที่ทอดไปทางทิศเหนือและจำได้ว่าบริเวณนั้นอยู่ทางตอนเหนือของเมืองฟอร์ดบริดจ์ในสก๊อตแลนด์ สองข้างทางรถไฟเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี มีผู้คนเดินไปมาอยู่สองสามกลุ่ม และแล้วผมก็เห็นรถไฟพลิกตกจากราง เห็นหินก้อนใหญ่ๆ กลิ้งลงข้างทาง”

วันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2457 รถไฟชื่อฟลายอิ้ง สก๊อตแม ก็มีอันต้องวิ่งออกนอกราง ใกล้ๆ สถานีเบริ์นทิสแลนด์ เหนือเมืองฟอร์ดบริดจ์ ประมาณ 24 กิโลเมตรผู้โดยสารบาดเจ็บกันระนาว

เป็นไปได้หรือไม่ว่า ขณะที่เรากำลังหลับและฝัน สิ่งกีดขวางระหว่างพรมแดนและกาลอวกาศได้ถูกยกออกไป และบางสิ่งบางอย่างในตัวเรา ซึ่งอาจจะเป็นจิต เจตภูต หรือวิญญาณมีโอกาสเคลื่อนที่อย่างอิสระในสถานที่และเวลาที่ไร้ขอบเขต ทำให้จิตใจหรือเจตภูติของเรา สามารถเดินทางล่วงเวลาเข้าสู่อนาคต

ถึงแม้เรายังสรุปไม่ได้ว่าความฝันคืออะไร สามารถบอกเหตุการณ์ในอนาคตได้จริงหรือไม่ แต่ความฝันก็ช่วยทำคุณประโยชน์แก่มนุษย์ไว้ไม่น้อย เช่นความก้าวหน้าทางวิทยาการด้านต่างๆ ซึ่งเกิดจากแรงดลใจจากความฝัน ตัวอย่างเช่นในปี พ.ศ. 2406 นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ ออกุสต์ เคคูเล่ กำลังศึกษาหาโครงสร้างโมเลกุลของเบนซีน (brnzene) ซึ่งเป็นสารประกอบที่สกัดจากน้ำมันดิบ

สารประกอบเกิดจาการรวมตัวขององค์ประกอบเล็กๆ ที่เรียกว่า โมเลกุล ที่ประกอบอะตอมที่เกาะเกี่ยวกัน ภาพเปรียบเทียบแสดงให้เห็นว่าอะตอมแต่ละตัวจะมีตะขอจำนวนหนึ่งไว้เกี่ยวกับอะตอมอื่นๆ การเกาะเกี่ยวกันของอะตอมนี้มีชื่อเคมีเรียกว่า พันธะวาแลนซ์ (valence bond) อะตอมของธาตุแต่ละชนิดจะมีจำนวนตะขอตายตัว เช่น คาร์บอนมี 4 อัน ไฮโดรเจน มี 1 อัน การหาโครงสร้างของโมเลกุลก็คือ การหาว่าอะตอมแต่ละตัวมีการเกาะเกี่ยวซึ่งกันและกันในรูปใด โมเลกุลที่มีจำนวนอะตามที่ไม่กี่ตัวเราหาโครงสร้างได้ไม่ยากแต่เบนซีนเป็นโมเลกุลที่ประกอบด้วยอะตอมถึง 12 ตัว คือเป็นอะตอมของคาร์บอนและไฮโดรเจนอย่างละ 6 ตัว อะตอมของคาร์บอนมีตะขอตัวละ 4 อัน ไฮโดรเจนมีตัวละ 1 อัน รวมเป็น 30 อัน ทำยังไงจึงจะทำให้ตะขอเกาะเกี่ยวกันได้หมดโดยไม่ให้เหลือแม้แต่อันเดียว

คุณเคคูเล่ แกนั่งคิดนอนคิดจนปวดกะโหลกก็ยังจับคู่อะตอมกลุ่มนี้ยังไม่ได้ซักที วันหนึ่งแกนั่งคิดเพลินจนเคลิ้มหลับไปแล้วฝันเห็นภาพงูไล่งับหางตัวเองเป็นวงกลม พอตื่นขึ้นมาแกก็เลยจับอะตอมของคาร์บอนเกี่ยวกันเป็นวงกลมแล้วเหลือตะขอไว้เกี่ยวกับตะขอของไฮโดรเจน อะตอมละอันจนครบ ตั้งแต่นั้นยอดนักฝันของเราก็เลยดังเป็นพลุ นอกจากนี้ยังมีนักฝันเก่งๆ อีกหลายคนเช่น เกอเต้ ผู้เคยแต่งบทกวีจากความฝัน ช่างปั้นหม้อ ชื่อ เบอร์นาร์ด ปาลิสซี ออกแบบลวดลายบางชิ้นจากที่เห็นในฝัน ชาร์ลส์ โนเดียร์คีต กวีชาวฝรั่งเศสผู้แต่งเพลง “ไลเดีย” จากความฝัน ซามูเอล คอเลอร์ดจ์ แต่งบทกวีชิ้นสำคัญ ชื่อ “คุขลาข่าน” ตอนกำลังนิทราเช่นกัน

เจมส์ วัตต์ ค้นพบวิธีทำลูกปืนที่กลมสมบูรณ์แบบโดยการเทตะกั่วที่กำลังหลอมเหลวจากที่สูงลงสู่อ่างน้ำ เขาเล่าว่าได้ความคิดมาจากการฝันเห็นฝนตก บางคนอาจเคยคิดว่า ความฝันเหล่านี้เป็นผลสะท้อนจากความคิดที่ซ่อนเร้นอยู่ จึงไม่น่าจะเรียกว่าความฝันช่วยค้นพบอะไรใหม่ๆ แต่มีตัวอย่างหนึ่งซึ่งโต้แย้งกับความฝันนี้

ในศตวรรษที่ 19 นักโบราณคดีชาวสวิส ชื่อ หลยส์ อกาสซิส พยายามศึกษาลักษณะของฟอสซิลของปลาชนิดหนึ่ง แต่ร่องรอยลบเลือนจนดูแทบไม่ออก คืนหนึ่งเขาฝันเห็นรูปฟอสซิลนั้นอย่างชัดเจนพอตื่นขึ้นเขารีบวาดรูปนั้นไว้แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะโครงสร้างกระดูกที่เห็นไม่น่าจะเป็นไปได้ คืนต่อมาเขาฝันเห็นรูปนั้นอีกคราวนี้เขาก็ไปพิจารณาซากฟอสซิลนั้นอย่างละเอียด จนในที่สุดก็ปรากฏรูปออกมาให้เห็นอย่างที่เห็นในฝันจริงๆ เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ปรากฏจริงๆ ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาคาดหวังไว้เลย

ความลึกลับของความฝันเป็นสื่องที่ท้าทายความอยากรู้ของมนุษย์ไม่ใช่น้อย ปัจจุบันจึงมีการก่อตั้งศูนยืทดลองหรือสถาบันเพื่อการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับความฝันขึ้นหลายต่อหลายแห่ง ที่นับว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันมากกว่าเพื่อน คือ ศูนย์ปฏิบัติการเกี่ยวกับความฝันแห่งไมโมนีเดส (Maimonides Dream Laboratory) ซึ่งก่อตั้งมาได้ 15 ปีแล้ว ครั้งหนึ่งทางศูนย์ได้ทดลองเกี่ยวกับการติดต่อทางจิตระหว่างบุคคลที่ตื่นอยู่กับคนที่กำลังหลับว่าเป็นไปได้หรือไม่มากน้อยเพียงใด ศูนย์ประกาศรับอาสาสมัครสองคน ได้ชายคนหนึ่งชื่อเออร์วิน และหญิงอีกคนหนึ่งชื่อเฟลสไตน์

คุณเออร์วินเป็นฝ่ายที่นอนหลับโดยมีสายไฟเชื่อมตัวเขากับเครื่องวัดคลื่นสมองพอเขาเริ่มฝันนักวิจัยก็จะปลุกให้เขาลุกขึ้นมาเล่าความฝันให้ฟังทันทีในขณะที่อีกทางด้านหนึ่งของศูนย์ปฏิบัติการ นางสาวเฟลสไตน์จะได้ดูภาพทั้งหมด 12 ภาพ ที่นักวิจัยจัดหามาให้เธอต้องหยิบขึ้นมาใบหนึ่ง เพ่งดูภาพนั้นจนจำขึ้นใจแล้วส่งภาพนั้นทางกระแสจิตไปยังนายเออร์วินที่กำลังหลับอยู่ ภาพที่นางสาวเฟลสไตน์เลือกเป็นภาพ หลุยส์ เองเกล เฟอร์ดป กำลังต่อย แจ็ค เดมป์เซย์ตกจากเวทีมวย พอนายเออร์วินถูกปลุกขึ้นมาเขาเล่าความฝันให้ฟังว่าเขาเดินไปที่สนามมวยเมดิสัน สแควส์ การ์เดน แล้วซื้อตั๋วเข้าไปเห็นนักมวยกำลังชกกันและคนดูส่งเสียงเชียร์กันอย่างอึกทึก นายเออร์วินเสริมว่าเขาไม่ชอบดูมวย และไม่เคยเข้าสนามมวยมาก่อนเลยในชีวิต

ประมาณต้นปี พ.ศ. 2514 วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นคณะเกรท ฟูล เดด ได้พากันมาเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้ด้วยความสนใจ ดร.อุลแมน หัวหน้าทีมของศูนย์ปฏิบัติการจึงถือโอกาสขอความร่วมมือจากนักดนตรีกลุ่มนี้เสียเลย เนื่องจาก ดร.อุลแมน อยากรู้ว่า “ผู้ส่งข่าว” มีจำนวนมากๆ จะช่วยให้การสื่อสารแม่นยำขึ้นหรือไม่

นักดนตรีคณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการแสดงคอนเสริ์ทจำนวน 6 รอบในนิวยอร์คซึ่งเป็นระยะทางห่างจากศูนย์ปฏิบัติการประมาณ 70 กิโลเมตร พวกเขายินดีขอร้องให้ผู้ชมประมาณ 2000 คน ในแต่ละรอบร่วมเป็นผู้ส่งข่าวทางจิต ก่อนการแสดงคอนเสริ์ททุกรอบ นายมัลคอล์ม เบสเซท์นักจิตศาสตร์ชาวอังกฤษอาสาเป็นผู้รับข่าวสารโดยการนอนหลับภายในศูนย์โดยนักวิจัยทั้งหลายจะคอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ในขณะที่บริเวณคอนเสริ์ทจะมีการฉายภาพนายเบสเซท์ให้ผู้ชมทั้ง 2000 คนดู แล้วจึงฉายภาพอื่นๆ อีก 6 ภาพให้ผู้ชมช่วยกันนึกส่งไปให้นายเบสเซท์ ผลปรากฏว่าการทดลองเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนายเบสเซท์สามารถบรรยายภาพถูกถึง 4 ภาพ

นอกจากนี้ ดร.อุลแมนยังทำการทดลองต่อไปอีกโดยให้อาสาสมัครอีกคนเป็นผู้ “แอบฟัง” ข่าวสารที่ผู้ชมดนตรีกำลังส่งไปให้นายเบสเซท์ เพื่อศึกษาดูว่าเป็นไปได้ไหมที่จะมีมือที่สามมาขโมยดักฟังข่าวสารที่ติดต่อกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ ผลปรากฏว่า มือที่สามต้องผิดหวังเพราะ ไม่สามารถรับอะไรได้เลย

การทดลองเกี่ยวกับความฝันนี้มีอุปสรรคอยู่อย่างหนึ่ง คือ เมื่อตื่นขึ้นอาสาสมัครมักจะลืมว่าตนฝันเห็นอะไรบ้าง ต่อมานักวิจัยพบว่าเมื่ออาสาสมัครหลับถึงช่วง REM (raid eye movement) แล้วรีบปลุกขึ้นมา อาสาสมัครสามารถจดจำความฝันนั้นได้อย่างละเอียดยิบ การค้นพบนี้ยังช่วยให้ผู้วิจัยสามารถกำหนดช่วงเวลาที่จะส่งข่าวสารให้อาสาสมัครได้อย่างเหมาะสม

ศึกษาไปศึกษามานักวิจัยก็พบพฤติกรรมที่น่าสนใจเข้าอย่างหนึ่งนั่นคือ ในบางช่วงของความฝัน อาสาสมัครจะรู้สึกตัวว่ากำลังฝันอยู่และเผลอๆ อาจจะควบคุมความฝันให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ด้วย แต่ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังฝันอยู่แต่อาสาสมัครก็ไม่สามารถให้สัญญาณ บอกผู้วิจัยว่าตอนนี้ฉันรู้ตัวนะว่ากำลังฝันอะไรอยู่ทั้งนี้เนื่องจากในขณะที่กำลังหลับ กล้ามเนื้อทุกส่วนจะเป็นอัมพาตไปหมด แม้เพียงใช้นิ้ว กดปุ่มให้สัญญาณก็ทำไม่ได้เพราะร่างกายทุกส่วนจะไม่ยอมขยับเลย

ดร. คีธ เฮริ์น แห่งมหาวิทยาลัยฮัล จึงอาศัยการเคลื่อนไหวของลูกตาเป็นสัญญาณในการติดต่อระหว่างผู้วิจัยและอาสาสมัคร โดยเขาได้ค้นพบว่าลูกตากรอกไปมาได้ 8 ครั้ง แสดงว่าอาสาสมัครรู้สึกตัวว่าเขากำลังฝันอยู่ การทดลองเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2518 และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี หลังจากนั้นการทดลองเริ่มสลับซับซ้อนขึ้น จากการทดลองให้คนที่ตื่นเป็นผู้ส่งข่าวสารและคนที่กำลังหลับเป็นผู้รับข่าวสาร การทดลองครั้งล่าสุดของ ดร. เฮริ์น จะให้คนที่กำลังหลับเป็นผู้ส่งข่าวสารถึงคนที่กำลังตื่นอยู่บ้าง ดร. เฮิร์น พบว่า เมื่อาสาสมัครรู้ตัวว่ากำลังฝันเขาจะหายใจถี่ขึ้น เครื่องมือที่ติดตั้งไว้จะไปหมุนโทรศัพท์โดยอัตโนมัติเมื่อผู้รับยกหูขึ้นฟังจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่นั่นแสดงว่าอาสาสมัครที่กำลังหลับอยู่เริ่มส่งข่าวสารแล้วการทดลองนี้ยังไม่ได้สิ้นสุดจึงยังไม่ทราบว่าผู้รับข่าวสารทางโทรศัพท์จะ “รับ” อะไรได้หรือไม่ เรื่องนี้คงต้องคอยติดตามกันต่อไป

การทดลองนี้จะสำเร็จหรือไม่ยังเป็นสิ่งที่เราต้องรอกันอีกนาน แต่ที่น่าติดใจก็คือ ถ้าเราสามารถบอกตัวเองให้รู้ว่าเรากำลังฝันอยู่ก็เป็นเรื่องที่สนุกไม่ใช่เล่นอยู่แล้ว การเข้านอนและการฝันแต่ละคืนก็หมายถึงการเล่นละครที่เราเป็นผู้กำกับการแสดงและเป็นพระเอกตลอดกาลเพราะเราจะบังคับให้ความฝันเป็นไปยังไงก็ได้ หมั่นไส้ใครก็ไปหาเรื่องเตะเอาเวลาที่ฝันก็ยังได้ หรือใครที่ชอบทำกรุงเทพให้เป็นสีเขียวด้วยการเอารถถังออกมาวิ่ง ก็ขอให้ฝันเอาก็แล้วกันนะครับ ชาวบ้านเขาจะได้ไม่เดือดร้อน

แหล่งข้อมูล :: หนังสือ เวทมนตร์
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
http://hogwartseldyschool.buygoo.net/
anny
นักเวทย์
นักเวทย์
anny


Female เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 179
อายุ : 30
Localisation : ไม่รู้สิ
Registration date : 01/05/2007

ปริศนาแห่งความฝัน Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ปริศนาแห่งความฝัน   ปริศนาแห่งความฝัน Icon_minitimeSun Jun 10, 2007 6:07 pm

เรื่องนี้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วยเหรอเนี่ย แอนเพิ่งรู้นะคะ
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
http://my.dek-d.com/anny_410
 
ปริศนาแห่งความฝัน
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ 
เธซเธ™เน‰เธฒ 1 เธˆเธฒเธ 1

Permissions in this forum:เธ„เธธเธ“เน„เธกเนˆเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธ–เธžเธดเธกเธžเนŒเธ•เธญเธš
Hogwarts Chaos :: อาคารเรียน :: ห้องสมุด-
เน„เธ›เธ—เธตเนˆ: